ทำอย่างไร....เมื่อรถคันเร่งค้าง
จากกรณีอุบัติเหตุรถยนต์ตกจากลานจอดรถห้างสรรพสินค้าชื่อดัง ย่านบางกะปิ เมื่อวันที่ 25 พฤศจิ...
อ่านต่อ
ผู้ขับขี่เสียสมาธิเป็นสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุที่พบบ่อยขึ้นทุกวันบนท้องถนนในบ้านเรา ไม่ว่าจะเกิดจากการใช้โทรศัพท์มือถือ การพิมพ์ข้อความ การใช้อุปกรณ์สื่อสารรุ่นใหม่ๆ หรือเครื่องเล่นต่างๆ ในขณะขับรถ หรือแม้แต่การทำกิจกรรมที่ทำให้ตนเองเสียสมาธิจากการขับรถที่เห็นบ่อยขึ้นทุกวัน เช่น กินอาหาร แต่งหน้า ดูทีวีในรถ และโดยเฉพาะปัจจุบันจะเห็นคนไทยเราใช้อุปกรณ์สื่อสารรุ่นใหม่ๆ ในขณะขับรถบ่อยขึ้น ซึ่งพฤติกรรมนี้นำไปสู่ความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุทางถนนที่สูงขึ้น
เซฟ ไดรฟเวอร์ เอดูเคชั่น เป็นห่วงปัญหานี้ที่นับวันจะกลายเป็นปัญหาใหญ่สำหรับนักขับรถในบ้านเราทั้งหลาย จึงขอแนะนำและให้ความรู้เกี่ยวกับกิจกรรมต่างๆ ที่ทำให้ผู้ขับขี่เสียสมาธิซึ่งควรหลีกเลี่ยงเพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเองและเพื่อนร่วมทาง ก่อนอื่นมาทำความเข้าใจกับสิ่งดึงดูดสมาธิผู้ขับขี่เสียก่อน
สิ่งดึงดูดความสนใจต่างกันแต่ผลลัพธ์เหมือนกัน
คำถามสั้นๆ ง่ายๆ คือระหว่างกินอาหาร สนทนากันและเปลี่ยนแผ่นซีดี อะไรถือเป็นเรื่องปกติที่ทำกันประจำ ถ้าหากคุณทำอย่างใดอย่างหนึ่งในสามอย่างนี้ในขณะขับรถ คุณจะเสียสมาธิทันที นั่นเพราะว่าสิ่งที่ทำให้คุณเสียสมาธิขณะขับรถมีหลายรูปแบบ ทั้งทางกายภาพ ทางจิตหรือทั้งสองอย่างรวมกัน
หากคุณทำเช่นดังกล่าว คุณจะละสายตาไปจากถนน มือก็จะออกจากพวงมาลัยและจิตของคุณก็ทำหน้าที่ประสานกิจกรรมต่างๆ เข้าด้วยกัน ในขณะที่คุณเปลี่ยนแผ่นซีดีนั้น รถก็จะวิ่งไปเองโดยอัตโนมัติ ไม่มีการควบคุมจากผู้ขับขี่
กิจกรรมอะไรบ้างที่คุณทำในขณะขับรถแล้วทำให้คุณเสียสมาธิ
ข้อมูลจากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย โดยคุณอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตือนว่า จากการตรวจสอบสถิติอุบัติเหตุทางถนน พบว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้อุบัติเหตุเพิ่มสูงขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากพฤติกรรมเสี่ยงของผู้ขับขี่ ได้แก่ การโทรศัพท์ขณะขับรถ ขับไปกินไป ดูโทรทัศน์ แต่งหน้า
เวลาน้อย คนก็ยิ่งทำกิจกรรมต่างๆ หลายอย่างในคราวเดียวกัน
ในขณะที่คุณกำลังขับรถอยู่คุณก็ได้ทำกิจกรรมหลายๆ อย่างในคราวเดียวกันโดยอัตโนมัติ เพราะอย่างน้อยคุณก็ควบคุมชิ้นส่วนของเครื่องจักรขนาดใหญ่ที่กำลังพาคุณวิ่งไปด้วยความเร็วสูง ขณะเดียวกันคุณก็มองไปข้างหน้าเพื่อหาช่องทาง รักษาระยะห่างให้กับตัวเอง คำนวนความเร็วที่ใช้ ตอบโต้กับสิ่งที่กีดขวางข้างหน้าหรือรถคันอื่นๆ ที่อยู่รอบตัว การทำกิจกรรมอื่นๆ ร่วมกับการขับรถ อย่างเช่น การพูดคุยกับผู้โดยสารหรือเปลี่ยนคลื่นวิทยุก็สามารถที่จะทำให้คุณเสียการควบคุมรถหรือไม่สามารถตอบโต้กับสถานการณ์ฉุกเฉินที่เกิดขึ้นได้
การปฏิบัติกับผู้โดยสารเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ขับขี่เสียสมาธิอย่างหนึ่งที่ปรากฎในรายงานบ่อยๆ ผู้โดยสารที่อายุน้อยสามารถที่จะเป็นสิ่งดึงดูดความสนใจของผู้ขับขี่ซึ่งนำไปสู่การเสียสมาธิขณะขับรถได้อย่างเป็นมาก โดยเฉพาะกับผู้ขับขี่ที่อายุยังน้อยและมีประสบการณ์ในการขับรถน้อย การจัดการดูแลเด็กหรือทารกย่อมต้องการการเอาใจใส่เป็นพิเศษ นักวิจัยพบว่าเด็กทำให้ผู้ขับขี่เสียสมาธิขณะขับรถมากเป็น 4 เท่าและทารกเป็น 8 เท่าของผู้ใหญ่
การนำสัตว์เลี้ยงโดยสารรถ สัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่มักไม่นั่งนิ่งอยู่กับที่และมีพฤติกรรมตื่นตกใจง่าย หากพบเห็นสิ่งผิดปกติรอบตัวอาจกระโจนใส่คนขับรถก่อให้เกิดอุบัติเหตุได้ หากต้องนำสัตว์เลี้ยงขึ้นรถ ควรให้มีคนนั่งไปด้วย เพื่อควบคุมพฤติกรรมสัตว์เลี้ยง หากเป็นรถกระบะ ควรให้สัตว์เลี้ยงอยู่ท้ายกระบะรถโดยผูกเชือกหรือล่ามโซ่ยึดไว้กับรถ
การอ่านป้ายโฆษณาต่างๆ ริมถนน หลายท่านอาจคิดไม่ถึงว่าป้ายโฆษณาต่างๆ ที่อยู่ริมถนนจะเป็นปัญหาต่อการขับขี่ของตนเอง แต่ความจริงแล้วป้ายเหล่านี้อาจทำให้ท่านตกอยู่ในความเสี่ยงได้ เพราะคนขับรถหลายคนเสียสมาธิจากการมองป้ายหรืออ่านป้ายโฆษณาเหล่านี้ ในขณะที่รถก็กำลังวิ่งอยู่ ลองคิดดูว่า ถ้าท่านขับรถด้วยความเร็ว 100 กม./ชม. และละสายตาไปมองป้ายหรืออ่านป้าย 2 วินาที รถของคุณจะวิ่งไปเท่าไหร่ อย่าลืมว่าใน 2 วินาทีที่คุณมองป้ายนั้นคุณไม่ได้มองถนนเลย ที่แย่ไปกว่านั้นคือป้ายโฆษณาที่ติดไฟระยิบระยับเพราะมันยิ่งดึงดูดความสนใจของคนขับรถได้มากโดยเฉพาะในตอนกลางคืน
พึงระวังว่าการเสียสมาธิขณะขับขี่รถยนต์เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อคุณโดยตรง
จากการเก็บข้อมูลทางการศึกษาพบว่าผู้ขับขี่ถึงร้อยละ 84 ต่างเห็นว่าการเสียสมาธิขณะขับขี่รถยนต์เป็นปัญหาใหญ่ และกว่าครึ่งของผู้ขับขี่เหล่านี้ยอมรับว่าคุยโทรศัพท์ขณะขับขี่รถยนต์ และร้อยละ 14 ยอมรับว่าตัวเองเคยได้อ่านและพิมพ์ข้อความขณะขับรถ คิดดูว่าอะไรบ้างที่ทำให้คุณเสียสมาธิขณะขับขี่รถยนต์ และคุณได้ทำอะไรบ้างขณะที่ขับรถแล้วคุณไม่ต้องการเห็นคนอื่นทำ
ช่วยวัยรุ่นแยกแยะและลดสิ่งที่ทำให้เขาเสียสมาธิขณะขับรถ
ผู้ขับขี่มือใหม่มักเผชิญกับความท้าทายที่ยิ่งใหญ่เมื่อต้องขับรถ จากการรายงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการประกันภัยสำหรับยานพาหนะทางบกพบว่าผู้ขับขี่มือใหม่ที่เป็นวัยรุ่น มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุในการขับรถ เป็น 4 เท่าของผู้ขับขี่วัยอื่นๆ นอกจากนั้นความเสี่ยงก็ยิ่งสูงหากมีผู้โดยสารในรถเยอะ ผู้ปกครองสามารถสอนบุตรหลานของตนเองให้รู้จักสิ่งที่ดึงดูดสมาธิขณะขับรถได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการทำเป็นตัวอย่างที่ดีให้เห็น เช่น คาดเข็มขัดนิรภัยเสมอและหลีกเลี่ยงการทำกิจกรรมที่ทำให้เสียสมาธิขณะขับรถ ทุกครั้งต้องมองถนนและจิตใจจดจ่อต่อการขับรถ
จำไว้ว่าวัยรุ่นขับรถ มีความเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุสูงเป็น 4 เท่าของผู้ใหญ่